วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

นรกตามลักษณะของพระพุทธศาสนา 1

      สวัสดีทุกๆคนนะคะ กับวันที่อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวแบบนี้ยังไงก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกายกันด้วยนะคะ และวันนี้เป็นวันที่ส้มเน่ามีเรื่องมาให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามด้วยนะคะ ซึ่งวันนี้ส้มเน่าสนใจที่จะนำเสนอเรื่องของ นรก  (HELL) ค่ะ เพื่อเป็นการเตือนสติท่านผู้อ่านและสามารถนำไปบอกเล่าต่อๆกันได้เพื่อประดับความรู้นะคะ ซึ่งนรกของแต่ละศาสนาก็จะแตกต่างกันไปนะคะ แต่วันนี้ส้มเน่าขอนำเสนอเกี่ยวกับนรกตามลักษณะของพระพุทธศาสนานะคะ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร ลองอ่านเลยนะคะ ^^
       พระยายมและนายนิริยะบาล กำลังไต่สวนผู้ที่ตายไปแล้วใหม่ๆ โดยเป็นบัญชีเล่มใหญ่ตรวจตราดูโดยละเอียดว่า ใครเมื่อครั้งเป็นมนุษย์นั้นเคยทำบุญทำทานอะไรไว้บ้าง เช่น ผู้ชายท่านก็จะเน้นว่า เคยบวชเรียนเขียนอ่านพระธรรมวินัยไตรสิขาไหม เคยอยู่ในระเบียบวินัยแค่ไหนเพียงไร ถ้าเป็นฆราวาส ท่านก็จะเน้นถามเกี่ยวกับการรักษาศีลห้า เป็นหลักสำคัญ โดยมีเลขา ฯ เปิดบัญชีอ่านอย่างละเอียด พระยายมผู้เสมือนหนึ่งผู้พิพากษานั่งบัลลังก์ คอยตัดสินพิจารณาชี้ขาดอย่างยุติธรรม ถ้าเห็นว่า บุคคลใดทำคุณงามความดี ทำบุญกุศลไว้มากเป็นพระก็เป็นพระที่ดี เป็นเณรก็เป็นเณรที่ดี เป็นประชาชนพลเมืองก็เป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เป็นผู้มีศีลธรรมกัลยาณธรรมประจำใจว่า ผู้นั้นตอบตามความเป็นจริงหรือไม่ เพราะทางยมโลกมีบัญชีเป็นหลักฐาน ใครจะโกหกไม่ได้ มีโทษ ๒ เท่าทีเดียว 
    ผู้ที่ขาดเมตตาธรรม มีจิตใจโหดเหี้ยมทารุณ ได้แก่ทำลายล้างผลาญ บีดบี้บีฑากันประหัตประหารเหมือนผักเหมือนปลา โดยถือว่า ตัวเองมีอำนาจ มีอิทธิพล มีพลกำลังจึงประหารหรือเบียดเบียนรังแกผู้ที่มีกำลังน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสัตว์ที่มีคุณมาก เช่น ช้าง ม้า โค กระบือ ถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่มีพระคุณต่อชาวโลกมาก ยิ่งถ้าทำด้วยจิตใจอาฆาตพยาบาทจองเวรแล้วยิ่งมีเวรมีกรรมติดต่อ เสมือนหนึ่งเงาติดตัวไปฉะนั้น
       ผู้ประพฤติผิดศีลข้อ ๒ อทินนาทาน เช่น ลักขโมยของพระสงฆ์ ฉ้อโกง ตลอดทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง และทำลายทรัพย์สินขอผู้มีพระคุณ เป็นต้น พูดง่าย ๆ ก็คือมีเจตนาลักหรือถือเอาสิ่งของผู้อื่นโดยอาการขโมย โดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต คือว่า ล่วงเกินสิทธิของผู้อื่น เช่น โกงเลือกสวนไร่นา โกงแผ่นดิน โกงชาติ โกงศาสนา เป็นต้น     บุรพกรรมของหมู่สัตว์นรก ผู้กระทำผิดศีลข้อ ๓ คือ ข้อ กาเมสุมิจฉาจาร คือประพฤติผิดลูกผิดเมียและผิดสามีของผู้อื่น อย่างนี้เรียกว่า ล่วงประเวณี อันเป็นที่รักที่หวงแหนของผู้ที่เป็นเจ้าของ โดยที่สุดกระทั่งผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย เรียกว่า พรากผู้เยาว์ หรือผิดจารีตประเพณีแบบแผนโบราณ ผิดทำนองคลองธรรม เหล่านี้พระยายมต้องส่งลงนรก หรือปีนต้นงิ้วโดยไม่ต้องสงสัย ฯลฯ สรุปคือเป็นผู้มีราคตัณหามาครอบงำอย่างหนาแน่น
   เหล่าสัตว์นรกที่มักพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้ความจริง หรือมักใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นก็เหมือนกัน ตลอดทั้งผู้ที่มักโกหกหลอกลวง ด่าว่าบิดามารดา ครูบาอาจารย์ แม้การดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทสถาบันชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือว่ามีพระคุณใหญ่หลวง หากใครผิดเข้าคือทำผิดหลายกระทง ผิดศีลข้อที่ ๔ แล้วยังถือว่าเป็นคนอกตัญญูด้วยทั้งยังถือว่าเป็นผู้หาความเจริญไม่ได้และ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ฯลฯ (ถูกตัดสินทำให้เป็น บ้า ใบ้ เสียจริต เป็นต้น)



  พวกเหล่าสัตว์ที่มักลืมตัวขาดสติความยับยั้งชั่งใจ ดื่มแล้วฤทธิ์เมาทำให้ประมาทล่อแหลมต่อการขาดศีลข้ออื่นๆ ตามมาด้วย เรียกว่าเป็นทางแห่งความเสื่อมเสีย กล่าวคือ เสียสติ เสียคน เสียเงิน เสียเกียติยศและศักดิ์ศรี ประการสำคัญ ผู้ดื่มสุรามักก่อการอาละวาท มักพาลหาเรื่อง มักอวดเขื่องอวดโต พวกนี้ กะทะทองแดงรออยู่แล้ว 


  เพื่อจดจำความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสของตน ไปบอกแก่บรรดาญาติ ให้ทำบุญตักบาตรกรวดนำอุทิศส่วนกุศล หรือช่วยส่งส่วนบุญไปให้ด้วย เพราะทุกข์ทรมานลำบากมากเหลือเกิน เช่น การฆ่าวัว ควาย ต่างๆ ก็จะตกนรก คือ ตัวเป็นคนส่วนหัวเป็นเขาควาย แม้กระทั่งพวกชอบกัดปลา ชนไก่ ก็เหมือนกันจะเป็นครึ่งคนไก่ หรือครึ่งคนครึ่งสัตว์ ดูแล้วไม่เป็นสารรูปคนเลย นี้แหละเรียกว่า เปรตขอส่วนบุญเวลาตายแล้วก็นึกได้ เวลามีชีวิตอยู่ก็มัวแต่หลงระเริง

    ขุมนรกที่พักดวงวิญญาณผู้ที่ตายก่อนกำหนด ภาพบนเป็นเด็กที่ถูกทำแท้งจากครรภ์มารดา ภาพล่างที่คุมขังดวงวิญญาณพวกที่ฆ่าตัวตายกับถูกฆ่าตายและตายโดยประมาท จนกว่าจะครบกำหนดอายุตายจริง จึงนำไป 
   สะพานนรก คนที่ก่อกรรมทำบาปและหลังจากตายแล้ว ดวงวิญญาณส่วนใหญ่จะต้องมาเดินผ่านสะพานแห่งนี้ นักการยมบาลจะตีขับให้ตกลงไปเป็นเหยื่อของฝูงงูพิษที่อยู่ในเหวลึกใต้สะพาน มีวิญญาณตกลงไปอยู่ใต้สะพานจำนวนไม่น้อย ต่างส่งเสียงร้องด้วยความตกใจกลัว บ้างกำลังถูกงูพิษฉกกัดคาบเอาไปกิน น่าสังเวชจริงๆ
    ขุมนรกควักลูกตา นักการยมบาลกำลังทรมานคนจำพวกที่ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น กับพวกที่ชอบดูภาพลามก

  ขุมนรกห้อยหัวลง (สังฆาฎมหานรกที่ 3) นักการยมบาลกำลังลงโทษทรมาน ดวงวิญญาณจากคนที่ดูถูกให้ร้ายผู้เป็นครูอาจารย์ กับพวกอกตัญญูเนรคุณ และพวกที่ประพฤติผิดศิลธรรมประเพณีความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
  ขุมนรกน้ำร้อนลวกมือ (โรรุวมหานรกที่ 4) นักการยมบาลกำลังทรมานดวงวิญญาณจำพวกนักล้วงกระเป๋า ฉกชิงวิ่งราว ลักขโมยและพวกที่หลอกลวง
  ขุมนรกผึ้งพิษ ฝูงผึ้งพิษกำลังรุมต่อยร่างวิญญาณจากคนจำพวกที่แอบอ้างชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไปหลอกลวงเอาทรัพย์สินเงินทองของผู้บริสุทธิ์ กับพวกที่เบียดบังเอาเงินของศาสนาไปใช้ส่วนตัว และพวกหมอดูที่หลอกรับจ้างทำพิธีสะเดาะเคราะห์โดยมิชอบ
  ด่านยมโลก ระหว่างเดือนสิงหาคมกับเดือนกันยายนของทุกปี ทางการยมโลกจะปล่อยพวกผีวิญญาณที่ต้องโทษสถานเบากับพวกที่จะพ้นโทษแล้ว ให้ออกมารับแจกทานและส่วนบุญกุศลที่โลกมนุษย์
  ขุมนรกตัดเครื่องเพศให้หนูกัดแผล นักยมบาลกำลังตัดเครื่องเพศพวกวิญญาณบาป จากคนจำพวกที่มักมากในกามารมณ์ เช่นพวกอลัชชีกับพวกที่ชอบเป็นชู้ด้วยสามี-ภรรยาผู้อื่น    ขุม นรกสาวไส้ นักยมบาลกำลังใช้มีดผ่าอกสาวไส้ร่างวิญญาณของพวกคนที่ ใช้อำนาจหน้าที่ในราชการกระทำทุจริต กับพวกที่ปลูกพืชไร่ใส่ยาฆ่าแมลงยังไม่ทันหมดพิษยาก็นำออกจำหน่าย กับพวกพ่อเล้าแม่เล้าและพวกล้มแชร์ให้สุนัขกิน  

  ขุม นรกน้ำมันเดือด นักการยมบาลกำลังทรมานร่างวิญญาณจากคนจำพวกที่เป็นโจรปล้น ตีชิงวิ่งราว ลักขโมย กับพวกที่ฆ่าคนตายด้วยอาวุธ ยาพิษ พวกฉ่อราษฎร์บังหลวง พวกประพฤติผิดกามผู้เป็นสายเลือด พวกอกตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้า และพวกที่ใช้คาถาอาคมทำลายคนด้วยไสยเวทย์

    ขุมนรกตัดลิ้นร้อยกราม นักบวชที่ประพฤติผิดธรรมวินัยทางปาก เช่นกล่าวหาให้ร้ายศาสนาอื่น และเทศนาที่มีความหมายทำนองสองแง่สามง่าม กับพวกที่กล่าวหาให้ร้ายผู้อื่นโดยมิชอบ ตลอดจนใช้วาจาแช่งด่าหยาบคาย หลังจากตายไปแล้ว ร่างวิญญาณจะถูกทรมาน

นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ส้มเน่าเอามานำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับนรกให้ทุกๆท่านได้อ่านกันนะคะ เพื่อให้ทุกๆคนมีสติที่คิดจะทำดี พูดดี กัน เพราะการทำดีคุณก็จะได้แต่สิ่งดีๆ ค่ะ และอาทิตย์หน้าส้มเน่าจะนำเอานรกภูมิตอนที่ 2 มาให้ทุกๆท่านได้ชมกันอีกนะคะ  บุญรักษาค่ะ

















วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2554

การแก้ไขกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

     สวัสดีปีใหม่คะ อต้อนรับเข้าสู่ปีกระต่ายทองในเดือนมกราคมที่อากาศหนาวแบบนี้ ไม่ได้พบปะและอัพเดทบล็อคนานต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะแต่วันนี้ส้มเน่าก็ไม่ได้ละเลยหน้าที่ที่อยากจะนำเสนอเรื่องของ กรรม นะคะ วันนี้ก็มีเรื่องดีดี ที่จะนำมาฝากท่านผู้อ่านค่ะ ซึ่งเป็นวิธีการแก้กรรมในเรื่องต่างๆ ให้ได้ผลดีมากขึ้นนะคะแต่ท่านผู้อ่านต้องจำเสมอไว้หนึ่งอย่างนะคะว่า กรรม ไม่สามารถลบล้างกันได้ แต่ สามารถผ่อนจากหนักให้กลายเป็นเบาได้ค่ะและนี่เป็นวิธีการแก้กรรมในเรื่องต่างๆค่ะ


1. กรรมที่ไม่มีลูก
 กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น
ลดกรรม ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือ มูลนิธิเด็กอ่อน

2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย
กรรมจาก เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์
ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถา ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต 

3. ตาบอดหรือเป็นโรคตา
กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด ของที่สารธารณะ
ลดกรรม ซื้อโคมไฟ หลอดไฟถวายวัด ถวายเทียนห่อใหญ่ ถวายไฟฉาย เติมน้ำมันตะเกียงทุกวันพระ บริจาคเงินในกล่อง ซื้อน้ำมันเติมตะเกียงที่วัด  

4. ถูกรถเฉี่ยวชน ถูกลูกหลง ถูกสัตว์กัดต่อย
กรรมจาก จากเคยเป็นคนพาลเกะกะเกเร หาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่น มักรังแกและสาปแช่งผู้อื่นอยู่เสมอ
ลดกรรม หมั่นพูดดี มีวาจาไพเราะ 

5.ถูกนินทา ถูกให้ร้าย
กรรมจาก เคยพูดจาให้เป็นเหตุให้คนอื่นเป็นทุกข์หรือเดือดร้อน
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี พูดดี พูดให้คนอื่นเกิดประโยชน์ พูดให้ผู้อื่นมีความสุข

6. ขาดบารมี ไร้ญาติขาดมิตร
กรรมจาก ไม่เคยไปร่วมงานบุญงานศพ
ลดกรรม ร่วมทำบุญงานศพ บริจาคเงิน หรือร่วมด้วยแรงกายช่วยงานอื่นๆในงานศพ เช่นทำอาหาร จัดดอกไม้ 

7. มักถูกรังแก ถูกเบียดเบียน
กรรมจาก ไม่เคยบวช หรือทำบุญงานบวช
ลดกรรม บวช ด้วยจิตศรัทธาปวารถาอย่างบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงจะบวช 7 วัน หรือ 15 วัน 1 เดือน 1 พรรษา แล้วแต่ จิตศรัทธา ถ้าเป็นสตรีจะบวชชีพราหมณ์ หรือถือศีล 8 ตามเวลาที่สะดวกและตั้งจิตศรัทธา หรือร่วมทำบุญงานบวชอย่าง สม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้

8. เป็นที่รังเกียจ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
กรรมจาก ทำติเตียนดูแคลน ผู้ที่ชอบทำบุญทำทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ ฟังเทศน์มหาชาติทุกๆปี ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมทำบุญหรือบริจาคทานเป็นการบอกบุญผู้อื่น พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจกฟรี

9. ได้คู่ที่เลวร้าย ทำร้ายตนหรือทำให้เป็นทุกข์ 

กรรมจาก เคยข่มขืนเขาในชาติก่อน เคยทุบตีทำร้ายคู่
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา

10. มักถูกโกง ถูกเบี้ยวเงิน
กรรมจาก เคยคดโกงผู้อื่น
ลดกรรม สละทรัพย์บริจาคร่วมการกุศลต่างๆ ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆเดือน 

11. มีคดีความ
กรรมจาก เคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยหรือพยายามหาทางช่วยเหลือ
ลดกรรม หมั่นทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือนๆละ 7 วัน

12. ไม่มีวาสนาบารมี

 กรรมจาก ไม่เคยนับถือชื่นชมผู้นับถือธรรมมะ
ลดกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป ทำทานกับคน 

13. มีลูกหลานไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
กรรมจาก ทำแท้ง เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
ลดกรรม บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง

14. เจอแต่คนเอาเปรียบ
กรรมจาก เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
ลดกรรม หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดีๆเข้ามาในชีวิต 

15. เกิดในสกุลต้อยต่ำ
กรรมจาก โอหัง อวดดี จิตใจคับแคบ
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างวัด สร้างพระประธาน ทำบุญทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี

16. ชีวิตตกต่ำ ทำสิ่งใดไม่เจริญ
 
กรรมจาก เคยทำแท้ง
ลดกรรม ปล่อยปลาลงน้ำทุกๆเดือน จนครบ 9 เดือน หรือ 1 ปีเต็ม ถวายสังฆทาน ทำบุญใส่บาตรเสมอ

17. เป็นเมียน้อย เมียเก็บ
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขามาก่อน ขืนใจเขาโดยไม่ยินยอม เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
ลดกรรม ถวายธงคู่ ธูปคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ อย่างใดก็ได้ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดี ขึ้น ร่วมเป็นเจ้าภาพงานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้นและสมหวัง สวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้ รับกุศลและอโหสิกรรม 

18. เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
กรรมจาก ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
ลดกรรม ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ปล่อยสัตว์ลงน้ำในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม ถวายยาเข้าวัด หรือช่วยเหลือคนป่วย

19. เรียนไม่จบ การเรียนมีอุปสรรค
กรรมจาก ชาติก่อนปฏิเสธการฟังเทศน์ฟังธรรม
ลดกรรม หมั่นเข้าวัด ร่วมงานบุญต่างๆ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ 

20. ครอบครัวยากจน
กรรมจาก ชาติก่อนไม่เคยบริจาคทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทาน ถ้ามีเงินไม่มากก็บริจาคเป็นสิ่งของ แรงกาย หรือน้ำใจ ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เช่น ไปช่วยอ่านหนังสือให้มูลนิธิคนตาบอด 

21. เป็นทุกข์เพราะความรัก
กรรมจาก ชาติก่อนเจ้าชู้ หลอกผู้อื่นให้อกหัก
ลดกรรม ประพฤติดีปฏิบัติดีทั้งความคิด กาย วาจา ใจ ร่วมทำบุญงานแต่งงาน ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นได้สมรัก
 
22. พิการ ร่างกายไม่สมประกอบ
กรรมจาก เคยทุบตีพ่อแม่ ด่าพ่อแม่ หรือทำร้ายพ่อแม่
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา ถือศีล 5 ศีล 8 เจริญภาวนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน


23. อยู่โดดเดี่ยวยามบั้นปลาย
กรรมจาก เคยจับสัตว์ขัง
ลดกรรม ทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญทำทานแก่เด็กอนาถาและสัตว์อนาถา

24. ขัดสน อดมื้อกินมื้อ
กรรมจาก เคยละเว้นการใส่บาตร ละเว้นการให้ทาน เมื่อมีคนยากไร้มาขอทานอาหารและน้ำ
ลดกรรม แบ่งปันอาหาร น้ำ เสื้อผ้า แก่คนยากไร้อนาถา แม้ไม่มีเงินก็แบ่งปันสิ่งของตามที่มี ตักบาตรทุกเช้าหรือทุกวันพระ 


25.ไม่มีคนชื่นชมเอ็นดู ชาดเสน่ห์
กรรมจาก ไม่เคยถวายของหอม
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระทุกวันพระ ถวายธูปหอม เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย ทองคำเปลว ประน้ำอบน้ำปรุง ประพฤติดี ปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น คิดดี ทำดี พูดดี ให้ผู้อื่นได้ดี มิให้ร้ายผู้ใด




ผลของกฎแห่งกรรม
 
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์

2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน
 
3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน 

4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนให­ญ่โต
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน
 
5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริ­ญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก
เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน

6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม
เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน 

 7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี
เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน
 
8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย
เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน

 9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า
เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้­ญาติในชาติก่อน
 
10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า
เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน
 
11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง
เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน
 
12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น
เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย
 
13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้
เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน
 
14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดดวงตาสดใส
เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ
 
15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปั­­ญญาอ่อนและหูหนวก
เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่
 
16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ
 
17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย
เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์
 
18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา
ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด

19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม
คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า

 
     ส้มเน่าเชื่อว่าท่านผู้อ่านจะได้รับประโยชน์ในการนำความรู้นี้ไปใช้นะคะ เพื่อที่จะให้ทุกๆท่านได้รับกับความสุขและความสงบที่แท้จริงนั่นคือ การปล่อยวาง ค่ะ ยังไงขอให้ผู้อ่านทุกๆท่านโชคดีในปีกระต่ายทองและขอร่วมอนุโมทนาผู้ที่นำเอาหลักการแก้กรรมนี้ไปใช้แล้วได้ผลด้วยนะคะ  สาธุ !!! ^^





credit : คุณจุ๋มจิ๋ม

























วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วิธีการทำบุญให้เกิดสัมฤทธิผล

     ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ที่งานยุ่งยากมากเลยค่ะ ไม่ค่อยที่จะได้อัพเดทบล็อคเท่าที่ควร แต่วันนี้งานเริ่มเสร็จไปบ้างแล้วจึงถือโอกาส มาอัพเดทความรู้ในเรื่องของการทำบุญให้ได้ผล เผื่อคนอื่นๆ จะได้ลองศึกษาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันกันนะคะ พอดีได้ไปเจอคู่มือเล่มนึง ชื่อว่า "อุทิศบุญ...ที่ได้ผล" โดย...พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสิโล ค่ะ และในวันนี้อยากที่จะนำเอาเรื่อง "วิธีการทำบุญให้เกิดสัมฤทธิผล" มาเล่าให้ทุกๆคนได้ติดตามกันนะคะ 

วิธีการทำบุญให้เกิดสัมฤทธิผลนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงที่มาแห่งบุญไว้ 3 ประการย่อๆ ดังนี้ค่ะ

รูปภาพประกอบจากอินเทอร์เนต

     1. บุญเกิดจากการให้ทาน เมื่อถวายของแด่พระภิกษุสงฆ์ หรือให้สิ่งของแก่ใคร ไม่ว่าจะให้ของแก่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ขณะนั้นจะเกิดกระแสบุญ เป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้ให้ทันที และเพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบน แล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นจึง ขอเน้นย้ำว่า หลักสำคัญคือ ขณะของหลุดจากมือเมื่อใส่บาตร...ถวายของให้พระสงฆ์ หรือให้ของแก่ใครก็ตาม เราต้องอธิฐานจิตแผ่บุญในทันที อย่ามัวไปรอแผ่บุญตอนสวด "ยถาสัพพี..." เนื่องจากการแผ่ให้ตอนพระยถาฯ อย่างที่เคยปฏิบัติกันมานั้นผิดเพราะกระแสบุญได้เลือนจางหายไปอยู่ในสวรรค์หมดแล้ว ต้องคิดแผ่บุญในทันทีทันใดว่า"บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือบุญนี้จงเป็นของเทวดา -ภูติ-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่สถิตย์อยู่ในสถานที่เรือนสวนไร่นา หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้า หรือบุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดามารดาของข้า" เป็นต้น ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการแก้ไขปัญหากลัดกลุ้มในเรื่องไหน



     2.บุญอันเกิดจากการรักษาศีล การทำบุญด้วยการตั้งใจรักษาศีล ก็ย่อมเกิดบุญกุศลขึ้นเช่นกัน ทุกครั้งที่ระลึกถึงศีลตัวเองรักษาดีแล้วไม่ด่างพร้อยก็สามารถอธิฐานส่งบุญได้ว่า "บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้จงถึงแก่..." หรือในการทำความดีทุกอย่าง เช่นแม้แต่การพูดให้เขาได้สติคิดดี การได้ช่วยเหลือคน การได้ทำประโยชน์ส่วนรวม ย่อมก่อให้เกิดความปีติดีใจ นั่นแหละคือ บุญ ให้รีบส่งบุญถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญทันที



    
     3. บุญอันเกิดจากการภาวนา ให้อธิฐานก่อนเช่นว่า "ขอบุญนี้ที่จะเกิดจากการภาวนาต่อไปนี้ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บป่วย
(โรคประจำตัวของเรา)" หรือเราจะให้ใครก็ให้อธิฐานเอาเองแล้วก็เริ่มภาวนาได้เลยหลังจากเลิกภาวนาก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง บุญที่เกิดจากการภาวนานี่จะมีพลานุภาพแรงยิ่งกว่าบุญจากการให้ทานมาก ฉะนั้นพวกภูติผีชั้นต่ำมักรับไม่ค่อยได้ เราต้องเปิดช่องไว้ก่อนภาวนา เขาจะได้เตรียมรับตามกำลังความสามารถของตนเองเพราะถ้าหากจะให้ตอนที่ภาวนาเสร็จแล้วจึงให้ก็เปรียบเหมือนเราปล่อยน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิงแต่เขาเอาภาชนะที่ไม่เหมาะสมมารับ เขาจะรับไม่ได้เนื่องจากกำลังจิตของเขาไม่แข็งแรงพอหากเราอธิษฐานเปิดให้เขาเตรียมตัวไว้ก่อนก็เหมือนกับเปิดก๊อกน้ำออกค่อยๆ ใครมีภาชนะน้อยก็เอามาตวงรับตามกำลังที่เขามี แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านสามารถรับบุญใหญ่หลักภาวนาได้อยู่แล้ว เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำที่พุ่งจากท่อดับเพลิงนั่นเอง

     นี่คือการทำบุญให้เกิดผลสัมฤทธิ์นะคะ หวังว่าทุกๆคนจะลองเอาไปใช้ดู  บางทีอ่านจากบทความนี้อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือดูเป็นเรื่องที่งมงายนะคะ แต่ ....อยากให้ทุกๆคนลองทำดู ก่อนค่ะ ถ้า...ได้ผลอยากให้คุณทำไปเรื่อยๆค่ะ แต่ถ้า...ไม่ได้ผลจะหยุดก็ได้นะคะ ทุกๆอย่างต้องเกิดจากการลงมือทำค่ะ แค่อ่านยังเชื่อไม่ได้ต้องลองทำ ลองปฏิบัติดูก่อนค่ะ   ขอให้ทุกๆคนอิ่มบุญกันถ้วนหน้านะคะ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆคนล่วงหน้าก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ที่มาที่ไปของการทำบล็อค เรื่อง ของกรรม

     สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ "ส้มเน่า" ดิฉันมีความสนใจในเรื่องของ 
 "เวรกรรม" เพราะว่า ในชีวิตของคนเราที่เราได้ผลตอบรับทั้งที่ดี และ ไม่ดี ทุกอย่างมันเกิดจากการกระทำของเรา ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อทุกคนได้ยินคำว่า เวรกรรม ทุกๆคนจะเข้าใจในแง่ที่ไม่ดี แต่.... ในบล็อคนี้ จะกล่าวทั้ง กรรมดี และ กรรมไม่ดี ให้ทุกๆคนได้อ่านเพื่อนำไปปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะเป็นสิ่งที่ดีอยากจะนำมาเผยแพร่ให้ทุกๆคน ได้รับรู้ ลองชมอ่าน ลองติดตามกัน  


     เนื่องจากตนเองเคยได้ใช้ชีวิตอย่างท้าทาย แบบวัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง แต่...มีเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องจำไปตลอดชีวิต เพราะว่า ได้เสียคนที่เคารพรักไปอย่างไร้สติ และ ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตมาจนบัดนี้ และทำให้ได้คิดว่า ณ ตอนนี้ ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราควรที่จะสั่งสมความดีเอาไว้ เพราะเราไม่รู้ว่า ในวันใดเราจะเสียชีวิต เราไม่มีวันล่วงรู้ได้เลย... จึงควรที่จะหมั่นทำ ดีและใช้ชีวิตอย่างมีสติเพื่อบำเพ็ญความดีให้กับผู้ที่ล่วงลับ เรื่องแรกที่จะนำมาเสนอ คือ      "เรื่องของกรรม"




     กรรมมีอยู่ 2 รูปแบบ

     1.การกระทำกรรมดี  เป็นการกระทำที่เป็นบุญหรือเป็นกุศลถ้าหากเป็นบุญกุศลส่งผลเมื่อไรเราก็จะพบกับความสุขความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ ความสมหวัง ความคล่องตัว ทำการค้ามีกำไร ป่วยอยู่ก็จะหายป่วย ที่หน่ายอยู่ก็จะกลับมารัก ฯลฯ ......

     2. การกระทำกรรมไม่ดี  ถ้าหากบาปอกุศลส่งผลเมื่อไรเราก็จะพบกับความทุกข์ ความเสื่อม ความล้มเหลว  ความผิดหวัง การติดขัด ขาดทุน ป่วยอยู่ก็จะตาย ที่รักอยู่ก็แหนงหน่าย ฯลฯ ......

      ฉะนั้นคำว่า " กรรม " หมายถึงความดีและความไม่ดีด้วยเพราะกรรมคือการกระทำ  ส่วนการส่งผลของกรรมนั้น   มีทั้งกรรมหนักและกรรมเบา กรรมจะส่งผลหนักหรือจะส่งผลเบานั้นขึ้นอยู่กับว่า การประกอบกรรมหรือทำกรรมนั้นมีเจตนาทำ(ตั้งใจหรือจงใจทำ) หรือ ไม่มีเจตนาทำ(ไม่ตั้งใจทำ)  ถ้าหากเราตั้งใจทำความดีผลของความดีก็จะส่งผลมาก   ตรงกันข้ามถ้าหากเราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำความดี   ผลของความดีก็จะส่งผลน้อยหรือไม่ส่งผลเลย   ถ้าเราตั้งใจหรือมีเจตนาที่จะประกอบกรรมชั่วหรือทำความชั่ว  ผลของการกระทำความชั่วของเราก็จะส่งผลให้กับเรามาก   แต่ถ้าหากเราไม่มีเจตนาหรือไม่มีความตั้งใจที่จะทำความไม่ดีหรือความชั่ว   เราก็จะได้รับผลของความชั่วหรือความไม่ดีน้อยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำความดี 
(บุญกุศล)หรือการกระทำความไม่ดี(บาปอกุศล)ของเรามาจากการกระทำของเรา

ได้ 3 ทางคือ ......

1.  การกระทำทางกาย หมายถึง การใช้ร่างกายทำกรรมหรือประกอบกรรมหรือลงมือทำนั่นเอง
2.  การกระทำทางวาจา หมายถึง การใช้วาจา คำพูด ทำกรรมหรือประกอบกรรม
3.  การกระทำทางใจ หมายถึง เกิดจากความนึกคิดหรือการใช้ความนึกคิดทำกรรมหรือประกอบกรรม
กระบวนการของการเกิด  "กรรม"
     ผลของกรรมจะเกิดก็ต่อเมื่อ ทำให้ตัวของเราและหรือคนอื่นเดือดร้อนไม่สบายใจและเป็นทุกข์ จุดเริ่มต้นของการประกอบกรรมหรือการทำกรรมนั้นจะเริ่มจากทางใจหรือทางความนึกคิดของเราก่อน พอคิดบ่อยๆเข้าก็จะส่งผลไปให้วาจาทำกรรมหรือประกอบกรรมขึ้นพอพูดบ่อยๆเข้าทีนี้ก็ใช้ร่างกายของเราทำกรรมหรือลงมือทำเลย และการประกอบกรรมโดยการกระทำทางกายและทางวาจาทำให้เกิด 
"เจ้ากรรมนายเวรส่วนกรรมที่เกิดจากความนึกคิดของเราไม่มีเจ้ากรรมนายเวรแต่จะเป็น "วิบากกรรม"  กรรมที่เกิดจากหรือมีเจ้ากรรมนายเวรนั้นเราสามารถที่จะทำ การแก้ไขได้ถ้าหากเจ้ากรรมนายเวรของใครที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนต้องแก้เองแก้โดยทั้งคู่อโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกันเพื่อผลของกรรมจะไม่ได้ต่อเนื่องและก็ข้ามภพข้ามชาติต่อไปอีกถ้าเราขอหรือให้ อโหสิกรรมกับเขาแล้วแต่เขาไม่ยอม  เราไม่คิดติดใจอะไรแล้วแต่เขายังมีและคิดผูกโกรธอาฆาตพยาบาทอยู่คนเดียวมันก็จะกลายเป็นมโนกรรมของเขาและจะเป็นวิบากกรรมติดตัวเขาคนเดียวต่อไป ส่วนกรรมทางจิตใจทางความรู้สึกนึกคิดของเรานั้น ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นนอกจากตัวของเราเองเท่านั้น   ใครจะคิดดีหรือคิดไม่ดีมันก็จะเก็บเอาไว้ในจิตในใจของคนๆนั้นตลอดไป 



     ดังคำกล่าวในทางพระพุทธศาสนาที่ว่า "ทำกรรมสิ่งใดย่อมได้รับผลอย่างนั้น" "ปลูกพืชชนิดไหนก็ย่อมได้ผลของพืชชนินั้น"เป็นกรรมที่ทำให้เราต้องมาเวียนเกิดเวียนตายกันไม่รู้จบและส่งผลให้เราทั้งทุกข์และสุขคละกันอยู่ในทุกวันนี้ จึงเป็นเหตุที่ต้องมีการเรียนรู้และศึกษาธรรมและมีการฝึกจิตฝึกสมาธิกันเพื่อยกจิตให้สูงขึ้นไม่ให้ตกต่ำฝึกจิตมุ่งสู่การหลุดพ้น กรรมชนิดนี้ถ้าเข้าพระนิพพานเมื่อไรก็จะกลายเป็น "อโหสิกรรม "ทันทีวิบากกรรมนี้ทุกคนต้องแก้เอง ไม่มีใครช่วยเราได้เลยไม่ต้องวิ่งเสาะแสวงหาให้คนอื่นช่วยเหลือก็ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนี่แหละ เพราะบุญกุศลบารมีต้องสร้างและทำเอาเอง